อันดับ 10 - ปีเตอร์ โอเด็มวิงกี้ (โลโคโมทีฟ มอสโก มา เวสต์บรอมวิชฯ: 1 ล้านปอนด์) ลงเล่น : 28 เกม
ประตู : 12 ประตู
โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ อดีตนายใหญ่ของ เวสต์บรอมฯ จัดการใช้งบเพียงน้อยนิดแค่ 1 ล้านปอนด์ (ราว 48 ล้านบาท)ในการดึงตัว โอเด็มวิงกี้ เข้ามาเสริมความคมในแดนหน้าแก่ทีม หลังจากที่เพิ่งเลื่อนชั้นกลับสู่พรีเมียร์ลีกได้อีกครั้ง
ในฤดูกาลแรกของเจ้าตัวในลีกอังกฤษ อดีตดาวยิงโลโคมอสทีฟ มอสโก ยิงไปทั้งสิ้น 12 ประตูจาก 28 เกม สถาปนาตัวเองเป็นกองหน้าตัวสำคัญของทีมไปแล้ว ด้วยรูปแบบการเล่นที่เน้นความเร็ว ทำให้ ดาวยิงทีมชาติไนจีเรีย กลายเป็นหัวหอกตัวอันตรายของกองหลังหลายๆทีม ซึ่ง อาร์เซน่อล และ เชลซี ก็ตกเป็นเหยื่อของเขามาแล้ว ล่าสุด พาทีมรั้งในอันดับที่ 11 มีโอกาสอยู่รอดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลหน้าสูง
อันดับ 9 - ชีค ติโอเต้ (เอฟซี ทเวนเต้ มา นิวคาสเซิ่ล : 3.5 ล้านปอนด์) ลงเล่น : 24
ประตู : 1
ย้ายมาร่วมทัพ "สาลิกาดง" จากทีมแชมป์ลีกกังหันลมอย่าง เอฟซี ทเวนเต้ เมื่อช่วงปลายเดือน 2010 ซึ่ง ดาวเตะทีมชาติโกตดิวัวร์ ก็ใช้เวลาเพียงน้อยนิดในการปรับตัวให้เข้ากับสไตล์ฟุตบอลอังกฤษได้เป็นอย่าง ดี
ด้วยสไตล์การเล่นที่เรียบง่ายแต่ทรงประสิทธิภาพ ทำให้เจ้าตัวโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในหลายต่อหลายนัด ถึงแม้ว่า ติโอเต้ จะเป็นนักเตะที่มีสไตล์บู๊ล้างผลาญโดยสะสมใบเหลืองไปแล้ว 10 ใบ แต่นั่นก็ไม่ทำให้ความยอดเยี่ยมของฝีเท้าเขาลดน้อยลงแต่อย่างใด เชื่อกันว่าผู้จัดการทีมหลายคนในพรีเมียร์ลีกคงอยากจะย้อนเวลากลับไปแย่ง ซื้อตัวเขากับ นิวคาสเซิ่ล เมื่อช่วงปีที่แล้ว ไฮไลท์ของเจ้าตัวในซีซั่นนี้ คือ ประตูยิงไกลตีเสมอ "เดอะ กันเนอร์ส" 4-4
อันดับ 8 - ดาบิด ซิลบา ( บาเลนเซีย มา แมนเชสเตอร์ ซิตี้: 26 ล้านปอนด์) ลงเล่น : 46
ประตู : 6
เป็นหนึ่งในนักเตะค่าตัวแพงอันดับต้นๆของสโมสร หลังจาก โรแบร์โต้ มันชินี่ ลงทุนกว่า 26 ล้านปอนด์ พรากตัว ปีกจอมเลื้อยทีมชาติสเปน จาก บาเลนเซีย ใน ลา ลีกา และกลายเป็นนักเตะที่เรือใบสีฟ้าขาดไม่ได้ เมื่อดูจากจำนวนเกมที่ลงเล่น
อดีตดาวเตะไอ้ค้างคาวสามารถเปิดซิงสกอร์แรกให้กับทีมตั้งแต่นัดที่ 5 และ มันชินี่ ถึงกับยกให้เจ้าตัวเป็น "ยอดกองหน้าตัวทำเกมแห่งถิ่นอีสต์แลนด์ส" ผลงานยอดเยี่ยมอย่างต่อเนื่องทำให้ ซิตี้ น่าจะได้โควต้าไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้าได้ ความสำคัญของเขาต่อทีมดูได้จากการที่เรือใบสีฟ้าพ่ายแก่ ลิเวอร์พูล แบบสิ้นท่า 3-0 จากการที่ไม่มี ซิลบา ลงสนาม
อันดับ 7 - ราอูล เมยเรเลส (เอฟซี ปอร์โต้ มา ลิเวอร์พูล: 11.5 ล้านปอนด์) ลงเล่น : 37
ประตู : 5
ลิเวอร์พูล ดำเนินการการล่าตัว มิดฟิลด์เชิงสูงเลือดโปรตุกีส จาก เอฟซี ปอร์โต้ ด้วยค่าตัว 11.5 ล้านปอนด์ (ราว 552 ล้านบาท) เมื่อช่วงปลายเดือน ส.ค. ปีที่แล้ว เพื่อนำมาแทนที่ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ กองกลางตัวรับ ที่เดินทางไปร่วมทัพ บาร์เซโลน่า ยอดทีมดังแดนกระทิง
ดาวเตะผู้คลั่งไคล้ในรอยสัก ใช้เวลาสักพักในการปรับตัวให้เข้ากับบอลผู้ดี และเมื่อถึงเวลา เขาก็แผลงฤทธิ์ซัด 5 ประตูจาก 6 เกม ในช่วงเวลาชี้ชะตาของทีม ทำให้หงส์แดงดีดตัวจากวิกฤตที่เผชิญเมื่อช่วงต้นฤดูกาลและกลับมามีลุ้นในการ ไปเล่นฟุตบอลยุโรป ซีซั่นหน้า ได้สำเร็จ
อันดับ 6 - หลุยส์ ซัวเรซ (อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม มา ลิเวอร์พูล: 22.8 ล้านปอนด์) ลงเล่น : 8
ประตู : 2
ก้าวเข้ามาเป็นนักเตะคนแรกของ เคนนี่ ดัลกลิช ตำนานแข้งหงส์แดงที่กลับมารับงานผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลเป็นครั้งที่ 2 ในช่วงตลาดนักเตะเมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมาซึ่ง ดาวเตะทีมชาติอุรุกวัย ทำหน้าที่ทดแทน เฟร์นานโด ตอร์เรส หัวหอกเลือดสแปนิช ที่เลือกย้ายไปค้าแข้งกับ เชลซี ยักษ์ใหญ่ร่วมลีก หลังจากที่ตอนแรก คาดกันว่าทั้งคู่จะได้ลงเล่นร่วมกันในถิ่นแอนฟิลด์
อดีตดาวยิงของอาแจ็กซ์ สร้างความประทับใจแก่กองเชียร์ชาวลิเวอร์พัดเลี่ยนหลังจัดการเบิกสกอร์แรกใน นัดเปิดตัวของตัวเองกับ สโต๊ค ซิตี้ แต่วีรกรรมที่จะไม่มีใครลืมได้เลยคือ เกมแดงเดือดกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ ซัวเรซ โชว์ทักษะชั้นเยี่ยมในเชิงลูกหนังในการป่วนแนวรับปีศาจแดง และพาทัพหงส์แดงเปิดบ้านถล่มคู่แค้นตลอดกาล 3-1
อันดับ 5 - คริส สมอลลิ่ง (ฟูแล่ม มา แมนฯ ยูไนเต็ด: 10 ล้านปอนด์) ลงเล่น : 29
ประตู : 1
นับเป็นเรื่องประหลาดใจแก่บรรดาเร้ด อาร์มี่ สำหรับการทุ่มเงินถึง 10 ล้านปอนด์ (ราว 480 ล้านบาท) ในการดึงตัวดาวรุ่งโนเนมอย่าง คริส สมอลลิ่ง มาร่วมทัพปีศาจแดง โดยย้ายมาในช่วงพรีซีซั่นของทีม และจากการลงเล่นไม่กี่นัด เขาก็แสดงให้เห็นว่า สายตาของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือของ ยูไนเต็ด ยังคงยอดเยี่ยมเหมือนเดิม
สมอลลิ่ง วัย 21 ปี แจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัวในซีซั่นแรกของเขากับ ยูไนเต็ด หลังจากต้องเข้ามาแทนที่ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ปราการหลังพันล้าน ที่เผชิญกับอาการบาดเจ็บที่รุมเร้าอย่างต่อเนื่อง และดูแล้วมีแววว่า สมอลลิ่ง จะกลายมาเป็นผู้นำในแนวรับของปีศาจแดงในอีกหลายๆปีต่อไปนี้
อันดับ 4 - ดาวิด ลุยซ์ (เบนฟิก้า มา เชลซี: 21 ล้านปอนด์) ลงเล่น : 8
ประตู : 2
เก็บของมาร่วมถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ต่อจาก เฟร์นานโด ตอร์เรส หัวหอกแดนกระทิง แต่โชคชะตาของทั้งคู่ช่วงผกผันเสียเหลือเกิน ดาวิด ลุยซ์ กลายมาเป็นนักเตะขวัญใจคนใหม่ของสาวกสิงห์บลูส์ในเวลาไม่นานนัก หลังจากทำ 2 ประตูสำคัญกับ 2 ทีมจากแมนเชสเตอร์ ทั้ง ยูไนเต็ด และ ซิตี้ ในขณะที่ ตอร์เรส ยังต้องคลำหาสกอร์แรกของตัวเองต่อไป ทั้งๆที่ย้ายมาด้วยค่าตัวถึง 50 ล้านปอนด์ (ราว 2,400 ล้านบาท)
ในวัยแค่ 23 ปี แต่ค่าตัวสูงถึง 21 ล้านปอนด์ (ราว 1,008 ล้านบาท) ซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นปัญหาหรือความกดดันแก่ เซนเตอร์แบ็กเลือดแซมบ้า แต่อย่างใด เจ้าตัวแสดงให้ทุกคนเห็นแล้วว่าเขาทำผลงานอย่างยอดเยี่ยมคุ้มค่ากับทุกปอนด์ ที่ เชลซี เสียไป
อันดับ 3 - วิลเลี่ยม กัลลาส (อาร์เซน่อล มา ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์: หมดสัญญา) ลงเล่น : 31
ประตู : 0
หลังจากหมดสัญญากับ อาร์เซน่อล วิลเลี่ยม กัลลาส ก็เลือกที่จะย้ายมาซบคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง สเปอร์ส ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ทำให้ แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ ผิดหวังแต่อย่างใด หลังจากที่นายใหญ่ไก่เดือยทอง เคยออกมาชูว่า การเซ็นสัญญาปราการหลังวัย 33 ปี เป็นการซื้อตัวที่คุ้มค่าอย่างไม่ต้องสงสัย
2 เกมสำคัญที่ฉายความโดดเด่นของ กัลลาส ในซีซั่นนี้ ได้แก่ เกมที่เจ้าตัวคุมแนวรับสุดเหนียวแน่นก่อนที่ทัพไก่เดือยทองจะบุกไปพิชิตไอ้ ปืนใหญ่ 3-2 ถึง เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม รวมถึงเกมชนยักษ์ใหญ่จาก อิตาลี อย่าง เอซี มิลาน ที่ เซนเตอร์ฮาล์ฟเเฟรนช์แมน ช่วยเซฟลูกยิงของ โรบินโญ่ ศูนย์หน้าจอมเลื้อยของปีศาจแดงดำ บนเส้นประตู ทำให้ทีมสามารถยันเสมอ 0-0 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ
อันดับ 2 - ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ( เรอัล มาดริด มา สเปอร์ส: 8 ล้านปอนด์) ลงเล่น : 30
ประตู : 12
อีกหนึ่งดาวเตะฟอร์มแจ่มใน ไวท์ ฮาร์ท เลน หลังจากที่ย้ายมาด้วยค่าตัวถูกแสนถูกเพียงแค่ 8 ล้านปอนด์ (ราว 384 ล้านบาท) ฟาน เดอร์ ฟาร์ท สามารถยกตัวเองขึ้นมาเป็นหัวใจสำคัญในแนวรุกของไก่เดือยทอง หลังจากซัดประตูสำคัญให้กับทีมอย่างต่อเนื่อง
ฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมของ จอมทัพเลือดดัตช์ อาจจะมีหลุดไปบ้างในช่วงท้ายฤดูกาล แต่เห็นได้ชัดเลยว่า ฟาน เดอร์ ฟาร์ท มีส่วนสำคัญในผลงานของทีมที่กำลังลุ้นคว้าอันดับ 4 ในพรีเมียร์ลีก รวมถึงยิงประตูพาสเปอร์สตะลุยไปถึงรอบก่อนรองฯ ของแชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ต้องจอดป้ายด้วยน้ำมือของ เรอัล มาดริด อดีตต้นสังกัดของเขานั่นเอง
อันดับ 1 - ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ (กัวดาลาฮาร่า มา แมนฯ ยูไนเต็ด : 8 ล้านปอนด์) ลงเล่น : 38
ประตู : 18
"ชิชาริโต้" นับได้ว่าเป็นหนึ่งในการซื้อขายที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ก่อตั้งมาเลยทีเดียว ปีศาจแดงเฝ้าจับตาดูพัฒนาการของเจ้าตัวอยู่ถึง 2 ปี ก่อนที่จะจัดการรวบหัวรวบหางมาเป็นหนึ่งในฝูงเด็กผีวัยคะนอง เมื่อซัมเมอร์ปีที่แล้ว
เอร์นานเดซ ยิงประตูชี้ชะตาช่วยทีมไว่หลายต่อหลายเกม ทำให้ปีศาจแดงที่ฟอร์มลุ่มๆดอนๆในซีซั่นนี้ยังคงรั้งตำแหน่งจ่าฝูงและขยับ เข้าใกล้โทรฟี่แชมป์พรีเมียร์ลีกมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึง 2 ประตูสำคัญในเกมเชือด โอลิมปิก มาร์กเซย ในแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 ในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
"เฟอร์กี้" นายใหญ่มากประสบการณ์ของทีม เคยพูดติดตลกถึงค่าตัวของ ชิชาริโต้ ที่ถูกสุดๆเหมือนได้มาฟรีๆเมื่อเทียบกับผลงานของเขาว่า "ผมไปขโมยเขามา" ซึ่ง ดาวยิงเลือดจังโก้รายนี้ ลงเล่นมากขึ้นเท่าไร มันก็ยิ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าคำพูดของ จอมคนเลือดสก็อตต์ เป็นจริงมากขึ้นเท่านั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น